แผนกบุคคล
ขั้นตอนที่
1
การเสนอแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งาน
แนวทางเลือกเพื่อนำระบบใหม่มาใช้งาน โดยจะบอกถึงรายระเอียดของระบบที่จะพัฒนามีดังนี้
โดยมีแนวทางเลือกจานวนทั้งสิน 2 ทางเลือก
1.จ้างบริษัทภายนอกพัฒนา2.ซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป
ทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้ที่ดี
การเสนอแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งาน
ทางเลือกที่ 1 : จ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
ลำดับ
|
ความต้องการในระบบ
|
แนวทางเลือกทั้ง 2 แนวทางในการจัดการระบบการสั่งจอง
|
|
จ้างบริษัทติดตั้งระบบ
A
|
จ้างบริษัทติดตั้งระบบ
B
|
||
ความต้องการที่คาดว่าจะได้รับ
|
|||
1.
|
หน้าที่การทำงาน
|
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดและความต้องการของบริษัท
|
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดและความต้องการของบริษัท
|
2.
|
ความยืดหยุ่น
|
ปรับแต่งได้ตามต้องการ
โดยไม่กระทบกับองค์กร และสามารถพัฒนาต่อได้
|
ปรับแต่งได้ตามต้องการ
โดยไม่กระทบกับองค์กร และสามารถพัฒนาต่อได้
|
เงื่อนไข
|
|||
1.
|
ต้นทุน/ค่าบำรุงรักษาระบบ
|
54,000
|
50,000
|
2.
|
การบริการหลังติดตั้ง
|
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
|
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
|
3.
|
คู่มือประกอบการใช้งาน
|
มีคู่มือการใช้งานและให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์
หรือ e-mail
|
มีคู่มือการใช้งานและให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์
หรือ e-mail
|
4.
|
ระยะเวลาการติดตั้ง
|
40 วัน
|
30
วัน
|
การประเมินแนวทางเลือกที่ 1
ทางทีมงานได้ทาการประเมินผลแนวทางเลือกว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น
4 ระดับ ดังนี้
น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90
เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง
ทีมงาน/ซอฟต์แวร์
|
เปรียบเทียบการใช้น้ำหนัก
(คะแนนเต็ม 10 )
|
|
จ้างบริษัทติดตั้งระบบ
A
|
จ้างบริษัทติดตั้งระบบ
B
|
|
นักวิเคราะห์ระบบ
|
2
|
3
|
โปรแกรมเมอร์ 1
|
2
|
2
|
โปรแกรมเมอร์ 2
|
2
|
3
|
รวม
|
6
|
8
|
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
|
60%
|
80%
|
เกณฑ์ที่ได้
|
ดี
|
ดีมาก
|
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกว่าจ้างบริษัทติดตั้งระบบ B มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
ทางเลือกที่ 2 : การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป มีรายละเอียดดังตาราง
ลำดับ
|
ความต้องการในระบบ
|
แนวทางเลือกทั้ง 2 แนวทางในการจัดการระบบการสั่งจอง
| |
หาซื้อ Software A
|
หาซื้อ Software B
| ||
ความต้องการที่คาดว่าจะได้รับ
| |||
1.
|
หน้าที่การทำงาน
|
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดและความต้องการของบริษัท
|
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดและความต้องการของบริษัท
|
2.
|
ความยืดหยุ่น
|
ปรับแต่งได้ตามต้องการ โดยไม่กระทบกับองค์กร
|
ไม่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ โดยไม่กระทบกับองค์กร
|
เงื่อนไข
| |||
1.
|
ต้นทุน/ค่าบำรุงรักษาระบบ
|
69,000
|
58,000
|
2.
|
การบริการหลังติดตั้ง
|
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
|
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
|
3.
|
คู่มือประกอบการใช้งาน
|
มีคู่มือการใช้งานและให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ หรือ e-mail
|
มีคู่มือการใช้งานและให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ หรือ e-mail
|
4.
|
ระยะเวลาการติดตั้ง
|
35 วัน
|
30 วัน
|
การประเมินแนวทางเลือกที่ 2
ทางทีมงานได้ทาการประเมินผลแนวทางเลือก
Software
ที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน)
เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90
เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง
ทีมงาน/ซอฟต์แวร์
|
เปรียบเทียบการใช้น้ำหนัก
(คะแนนเต็ม 10 )
|
|
Software A
|
Software B
|
|
นักวิเคราะห์ระบบ
|
3
|
3
|
โปรแกรมเมอร์ 1
|
2
|
2
|
โปรแกรมเมอร์ 2
|
2
|
4
|
รวม
|
7
|
9
|
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
|
70%
|
90%
|
เกณฑ์ที่ได้
|
ดี
|
ดีมาก
|
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 2
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกซื้อ Software B มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้ง 2
เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้ง 2
ผลจากการพิจารณาแนวทางเลือกของทีมงานจากทั้งสองแนวทาง จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของผู้บริหารเพื่อพิจารณาเลือกแนวทางตามที่ได้นำเสนอจากทีมงานพัฒนา พร้อมข้อเสนอแนะในแต่ละแนวทางเลือกหลักทั้งสอง โดยมีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
ลำดับ
|
ความต้องการในระบบ
|
แนวทางเลือกทั้ง 2 แนวทางในการจัดการระบบการสั่งจอง
|
|
หาซื้อ Software B
|
จ้างบริษัทติดตั้งระบบ B
|
||
ความต้องการที่คาดว่าจะได้รับ
|
|||
1.
|
หน้าที่การทำงาน
|
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดและความต้องการของบริษัท
|
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดและความต้องการของบริษัท
|
2.
|
ความยืดหยุ่น
|
ไม่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
โดยไม่กระทบกับองค์กร
|
ปรับแต่งได้ตามต้องการ
โดยไม่กระทบกับองค์กร และสามารถพัฒนาต่อได้
|
เงื่อนไข
|
|||
1.
|
ต้นทุน/ค่าบำรุงรักษาระบบ
|
58,000
|
50,000
|
2.
|
การบริการหลังติดตั้ง
|
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
|
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
|
3.
|
คู่มือประกอบการใช้งาน
|
มีคู่มือการใช้งานและให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์
หรือ e-mail
|
มีคู่มือการใช้งานและให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์
หรือ e-mail
|
4.
|
ระยะเวลาการติดตั้ง
|
30
วัน
|
30
วัน
|
ข้อเสนอแนะแนวทางเลือกทั้ง 2 แนวทาง
แนวทางเลือกที่ 1 การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จระบบB
ข้อดี ระบบ มีความสามารถพัฒนาระบบได้ตรงตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการ
ของบริษัทที่ได้จัดทำไว้ราค่ามาต้นทุน/ค่าบำรุงรักษาระบบไม่สูงมากนัก
ข้อเสีย ระบบไม่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการแต่ก็ไม่กระทบองค์กรใช้ระยะเวลาในการติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานนาน
แนวทางเลือกที่ 2 การว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ B
ข้อดี ระบบ มีความสามารถพัฒนาระบบได้ตรงตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการ
ของบริษัทที่ระบบยังมีความยืดหยุ่นในปรับแต่งได้ตามความต้องการโดยไม่กระทบ องค์กรสามารถพัฒนาไปยังอนาคตข้างหน้าได้ใช้ระยะเวลาติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานน้อย
ข้อเสีย ราค่าต้นทุน/ค่าบำรุงรักษาระบบค่อนค้างสูง
ผู้บริหารเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
หลังจากหัวหน้าทีมงานได้เสนอแนวทางเลือก โดยจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบและข้อเสนอแนะแก่ทีมผู้บริหาร โดยใช้กฎเกณฑ์การให้น้าหนัก (คะแนน) ดังตารางต่อไปนี้
ทีมงาน/ซอฟต์แวร์
|
เปรียบเทียบการใช้น้ำหนัก
(คะแนนเต็ม 10 )
|
|
Software B
|
จ้างบริษัทติดตั้งระบบ
B
|
|
นักวิเคราะห์ระบบ
|
2
|
3
|
โปรแกรมเมอร์ 1
|
2
|
2
|
โปรแกรมเมอร์ 2
|
2
|
3
|
รวม
|
6
|
8
|
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
|
60%
|
80%
|
เกณฑ์ที่ได้
|
ดี
|
ดีมาก
|
สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร
ทางทีมงานผู้บริหารได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางการว่าจ้างบริษัทติดตั้งระบบ B เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุดนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานแม้ว่าราค่าค่าติดตั้งจะค่อนค้างสูงแต่ก็มีความคุ้มค่าในการลงทุนแล้วแล้วยังสามารถพัฒนาไว้ใช้งานในระยะยาว
ขั้นตอนที่ 2
การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
เป้าหมาย
นำระบบสาระสนเทศเพื่อการบริหารงานขายมาใช้งานในบริษัทเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
วัตถุประสงค์
โครงการพัฒนาระบบการสั่งจองมีวัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน เพื่อวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาให้เป็นระบบงานบุคคลที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
ขอบเขตของระบบ
โครงการพัฒนาระบบการสั่งจองได้มีการจัดทำขึ้นโดยการจ้างบริษัท B มารับผิดชอบโครงการ พร้อมกันนี้ได้กำหนดขอบเขตของระบบนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ระบบจะต้องใช้งานง่ายและสะดวก
- ระบบจะต้องแบ่งการทำงานอย่างชัดเจน แต่ข้อมูลสามารถเชื่อมโยงกันได้
- ระบบจะต้องมีความถูกต้องและแม่นยามากที่สุด
- ระบบจะต้องรองรับการทำงานแบบ Multi-User ได้
- ระบบจะต้องเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุดต่อการทำงาน
ปัญหาที่พบจากระบบเดิม
- ยากต่อการหาข้อมูล
- การเก็บรวบรวมข้อมูลของพนักงานและการค้นหาข้อมูลของพนักงานเกิดความซ้ำซ้อน
- ข้อมูลที่ได้ไม่มีความชัดเจนและแน่นอน
- การทำงานของพนักงานแต่ละฝ่ายไม่มีความแน่นอน
- เนื่องจากเป็นระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอยู่ตลอดเวลาทาให้ข้อมูล
เกิดความเสียหายและสูญหายได้
ความต้องการในระบบใหม่ ความต้องการในระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้
คือ ความรวดเร็วของระบบใหม่ ในการทำงาน
- สามารถเก็บ และตรวจสอบข้อมูลพนักงานได้
- สามารถเพิ่ม แก้ไข
เปลี่ยนแปลงข้อมูลของพนักงานได้
- สามารถรับสมัครพนักงานผ่านระบบงานออนไลน์ได้
- การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานทุกฝ่าย เช่น
บัญชี สามารถคำนวณเงินเดือนพนักงานได้
ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบใหม่
- บริษัทมีผลการดำเนินการที่ดีขึ้น
- ขั้นตอนการทำงานของระบบในบริษัทที่มีความรวดเร็ว
- ขั้นตอนการรับสมัครพนักงานมีความถูกต้องชัดเจนและรวดเร็วในการทำงาน
- สามารถจัดเก็บข้อมูลพนักงานทำให้การรวดเร็วและถูกต้อง
- การทำงานของพนักงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพสะดวกสบายในการตรวจเช็คข้อมูล
แนวทางในการพัฒนา
การพัฒนาระบบของเป็นการพัฒนาระบบในส่วนของแผนกบุคคลการทำงานของพนักงานในแต่ละหน้าที่ซึ่งบางครั้งการทำงานขั้นตอนต่างๆ อาจจะมีเอกสารหรือข้อมูลที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน
ดังนั้นจึงได้มีการวิเคราะห์ระบบใหม่เพื่อความสะดวกและมีประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อพิจารณาถึงขั้นตอนการดำเนินงานให้เหมาะสมกับบริษัทแล้วสามารถแบ่งได้
ทั้งหมด 7 ขั้นตอน
1. การค้นหาและเลือกสรรโครงการ
2. การเริ่มต้นและการวางแผนโครงการ
3. การวิเคราะห์ระบบ
4. การออกแบบเชิงตรรกะ
5. การออกแบบเชิงกายภาพ
6. การพัฒนาและติดตั้งระบบ
7. การซ่อมบำรุงระบบ
ขั้นตอนที่ 1 การค้นหาและเลือกสรรโครงการ
เป็นขั้นตอนในการค้นหาโครงการเพื่อพัฒนาระบบใหม่ให้เหมาะสมกับระบบเดิมหรือให้เหมาะสมกับองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือต้องการระบบเพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานในส่วนที่เกิดความบกพร่องของบริษัท
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำงานขององค์กร
ดังนั้นจึงได้ยกตัวอย่างบริษัทที่ต้องการพัฒนาระบบข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในส่วนของระบบที่ต้องการแก้ไขคือ
- การจัดเก็บข้อมูลพนักงาน
- การรับสมัครพนักงาน
- การคำนวณเงินเดือนสุทธิของพนักงาน
ขั้นตอนที่ 2 การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
เป็นขั้นตอนในการเริ่มต้นทำโครงการด้วยการเริ่มต้นจัดตั้งทีมงาน
ซึ่งเราจะต้องกำหนดหน้าที่ให้กับทีมงานแต่ละคนอย่างชัดเจนเพื่อร่วมกันสร้างแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งานและนอกจากขั้นตอนดังกล่าวแล้วยังมีขั้นตอนอื่นอีกมากที่เกี่ยวข้องซึ่งเราสามารถสรุปกิจกรรมในขั้นตอนนี้
ได้ดังนี้
- ก่อนเริ่มทำโครงการเราควรศึกษาระบบเดิมในการทำงานก่อน
แล้วค่อยเริ่มต้นทำโครงการ
- กำหนดวัตถุประสงค์หรือทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้
- วางแผนการทำงานของระบบใหม่
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์
1. ศึกษาขั้นตอนการทำงานของระบบเดิม ดูว่าการทำงานของบริษัท มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างไรและเหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบเดิมและระบบที่เปลี่ยนแปลงนี้จะเปลี่ยนในส่วนของระบบการสั่งจองสินค้า
2. การรวบรวมความต้องการในระบบใหม่จากผู้ใช้ระบบศึกษาหรือสอบถามข้อมูลของระบบเดิมจากพนักงานหรือผู้ใช้ระบบ
3. จำลองแบบความต้องการที่รวบรวมได้ เมื่อเรารวบรวมข้อมูลมาได้แล้วก็สามารถออกแบบจำลองดังกล่าวได้ด้วยวิธีการใดก็ได้ที่นักวิเคราะห์ระบบนำมาใช้ในการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่ 4 การออกแบบเชิงตรรกะ
เป็นขั้นตอนในการออกแบบขั้นตอนการทำงานของระบบในแต่ละส่วนงานหรือแต่ละแผนกของงาน ซึ่งในการออกแบบระบบ ระบบงานที่ได้ในแต่ละส่วนจะไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีแบบฟอร์มหรือผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเราวิเคราะห์กระบวนการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนที่ 5การออกแบบเชิงกายภาพ
ในขั้นตอนนี้เป็นการทำงานของระบบในส่วนของเทคนิคของโปรแกรมหรืออุปกรณ์ต่าง
ๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงระบบอาจจะเป็นระบบเครือข่ายฐานข้อมูลโปรแกรมสำเร็จรูป เพื่อให้ผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าใจขั้นตอนการทำงานมากขึ้น
ซึ่งสิ่งที่ได้ในส่วนนี้จะเป็นแค่การออกแบบหลังจากนั้นจะทำการส่งให้โปรแกรมเมอร์ต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 การพัฒนาและติดตั้งระบบ
ขั้นตอนนี้จะนำข้อมูลเฉพาะในส่วนที่ต้องการออกแบบของระบบมาทำการเขียนโปรแกรม
เพื่อให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการของระบบงานใหม่ อาจนำโปรแกรมที่เขียนสำเร็จรูปแล้วมาใช้งานในระบบก็ได้หลังจากเขียนโปรแกรมแล้วเราก็ควรทำการทดลองว่าโปรแกรมใช้งานได้เหมาะสมกับการทำงานของบริษัทหรือไม่
ซึ่งในขั้นตอนนี้มีกระบวนการทำงานดังนี้
1. เขียนโปรแกรม
2. ทดสอบโปรแกรม
3. ติดตั้งระบบ
4. จัดทาเอกสาร สรุปผลการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่ 7 การซ่อมบำรุงระบบ
อาจจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการปรับปรุงระบบ เพราะหลังจากได้ระบบใหม่มาแล้วเราก็นำเอาระบบที่ได้มานี้ทำการแก้ไขหากระบบที่ได้มาเกิดข้อผิดพลาด
ขั้นตอนที่ 3
การกำหนดความต้องการของระบบ
การกำหนดความต้องการของระบบ
เมื่อโครงการพัฒนาระบบได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นตอนที่ผ่านมา
ดังนั้น จึงเริ่มต้นด้วยความการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม
ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้ ทีมงานเลือกใช้วิธีการออกแบบสอบถาม
1. ออกแบบสอบถาม
บุคคลผู้ตอบแบบสอบถาม คือ ผู้จัดการในแผนกบุคคลการใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในส่วนที่ต้องการพัฒนา เนื่องจากทีมงานสามารถควบคุมหัวข้อคำถามที่ต้องการรายละเอียดได้มากกว่าการสัมภาษณ์ไม่รบกวนเวลาทำงานของผู้จัดการแต่ละแผนกมากนักสามารถเก็บข้อมูลได้มากตามการตั้งคำถามในแบบสอบถามอีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกมีอิสระในการให้ข้อมูล
ข้อมูลและเอกสารของระบบงานเดิมที่รวบรวมได้
จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลของระบบเดิม
ด้วยวิธีการออกแบบสอบถาม สามารถสรุปข้อมูลที่ได้รับดังนี้
1.ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของระบบเดิมทางบริษัทใช้ระบบเครือข่าย LAN ประกอบด้วย
1.1
เครื่องแม่ข่าย จานวน 1 เครื่อง ใช้ซอฟต์แวร์เครือข่าย
Windows Server 2008
1.2 เครื่องลูกข่าย จานวน
20 เครื่อง ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 และซอฟต์แวร์สาหรับงานสานักงาน
Microsoft Office 2010
- แผนกการขาย ใช้ซอฟต์แวร์ Microsoft Excel ในการคำนวณยอดขายสินค้าของแต่ละวัน
- แผนกคลังสินค้า ใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูประบบตรวจเช็คสินค้า
-
แผนกบัญชี ใช้ซอฟต์แวร์สำหรับงานบัญชี และใช้ Microsoft Excel สำหรับคำนวณเงินยอดการสั่งซื้อ สั่งเบิกสินค้า
- แผนกซ่อมบำรุง ใช้ซอฟต์แวร์ Microsoft Excel ในการคำนวณยอดการเบิกจ่ายมาใช้ซ่อมบำรุง
1.3
อุปกรณ์ต่อพ่วง ได้แก่ เครื่องพิมพ์เลเซอร์จานวน 3 เครื่อง
2. ความต้องการของระบบใหม่
- ข้อมูลในระบบสามารถเชื่อมโยงไปยังแผนกอื่นๆได้
แต่จะต้องทำการเข้า Login ก่อน
- เพิ่ม ลด แก้ไข ข้อมูลของพนักงานและผู้สมัครงานได้
- สามารถค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วและน่าเชื่อถือ
2. ความต้องการของผู้ใช้ในระบบใหม่
จากแบบสอบถามและการสัมภาษณ์ ทางทีมงานสามารถสรุปความต้องการในระบบใหม่ได้
ดังต่อไปนี้
-
ตรวจสอบข้อมูลปัจจุบันและข้อมูลย้อนหลังได้
- สามารถเพิ่มเติม
แก้ไขและเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน
- ข้อมูลของแต่ละแผนกสามารถเชื่อมโยงกันได้
- สามารถให้บริการแก่พนักงานได้อย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนที่ 4
แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
Context Diagram
อธิบาย Context Diagram
การทำงานของ Context Diagram มีอยู่ทั้งหมด 4 ส่วน
ดังนี้
1.
ฝ่ายบริหาร ฝ่ายบริหารจะทำการเรียกดูการจ่ายเงิน และขอดูผลการสมัครผ่านระบบ
และระบบจะส่งผลตอบกับไปยังฝ่ายบริหาร
2.พนักงาน พนักงานฝ่ายบุคคลจะกรอกข้อมูลการทำงานของพนักงานในบริษัทเข้าสู่ระบบ
และระบบ
จะทำเป็นรายงานส่งกลับมายังพนักงานฝ่ายบุคคล
3.การเงิน ทางการเงินจะขอดูค่าใช้จ่ายผ่านระบบและจะแจ้งอัตราการจ่ายเงินมาทางการเงิน
4.ผู้สมัคร ผู้สมัครจะทำการกรอกใบสมัคร สัมภาษณ์งาน ข้อมูลจะส่งไปยังระบบและรอผลการตอบรับ
DFD-Level 0 : ระบบจัดการฝ่ายบุคคล
อธิบาย DFD-Level 0 : ระบบจัดการฝ่ายบุคคล
Process1 Log in การเข้าสู่ระบบ พนักงานจะต้องทำการล็อกอินเพื่อเข้าสู่ระบบทุกครั้ง
Process2 ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครจะกรอกใบสมัครเข้าสู่ระบบ
ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลและ ส่งผลไปยังฝ่ายบุคล และฝ่ายบุคคลจะทำการเก็บข้อมูลของพนักงาน
Process3 การสัมภาษณ์ ข้อมูลการสัมภาษณ์จะส่งถูกส่งไปยังฝ่ายบุคคล
Process4 คำนวณเงินเดือน ฝ่ายบุคคลจะกรอกข้อมูลการทำงานเข้าระบบสู่ระบบคำนวณเงินเดือน
และระบบจะทำการส่งข้อมูลไปยังฝ่ายบุคลและรายงานผลให้ผู้บริหาร
ฝ่ายบุคคลจะกรอกข้อมูลเข้าระบบ
และจะรายงานให้ผู้สมัคร
Process5 รายงานผลการสัมภาษณ์ ฝ่ายบุคคลจะส่งผลการสัมภาษณ์เข้าสู่ระบบ
และระบบจะรายงานผลกลับไปให้ผู้สมัคร
Process6 รายงานผลการสมัคร ฝ่ายบุคคลจะกรอกข้อมูลเข้าสู้ระบบและจะรายงานผลกับไปให้ผู้สมัคร
Process7 จ่ายเงินเดือน ฝ่ายบุคคลแจ้งเงินเดือนของพนักงานให้กับฝ่ายการเงินโดยจะดูข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลและฝ่ายการเงินจะทาการบันทึกข้อมุลการจ่ายไปยังแฟ้มข้อมูล
Process8 รายงานผลการจ่าย ฝ่ายการเงินจะดึงข้อมูลการจ่ายจากแฟ้มข้อมูล
และระบบจะทำการรายงานผลการจ่ายเงินเดือนไปยังฝ่ายบุคคล
DFD-Level 1 : ระบบจัดการฝ่ายบุคคล
Process 1
DATA FLOW DIAGRAM LEVEL 1 : การสมัครงาน
อธิบายการทำงาน
ผู้สมัครกรอกข้อมูลลงใบสมัคร
ระบบตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร และส่งข้อมูลไปยังฝ่ายบุคคล
ฝ่ายบุคคลจะรายงานผลการสมัครไปยังระบบและแจ้งผลไปยังผู้สมัคร
Process 2
DATA FLOW DIAGRAM LEVEL 1 : การสัมภาษณ์งาน
อธิบายการทำงาน
ผู้สมัครจะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ ระบบจะตรวจสอบการสัมภาษณ์
และส่งข้อมูลไปยังฝ่ายบุคคล
รายงานผลการสัมภาษณ์ไปยังระบบและแจ้งผลไปยังผู้สมัคร
Process 3
DATA FLOW DIAGRAM LEVEL 1 : รายงานเงินเดือน
อธิบายการทำงาน
เมื่อพนักงานเข้าสู่ระบบ
จะนาข้อมูลการเงินส่งเข้าระบบคำนวณเงินเดือนเพื่อหาอัตราการจ่ายเงินเดือน และส่งข้อมูลกลับไปยังฝ่ายบุคคล
ฝ่ายบุคคลจะส่งอัตราการจ่ายเงินเดือนเข้าสู้ระบบการจ่ายเงิน และส่งข้อมูลการจ่ายไปยังฝ่ายการเงินเผื่อเก็บข้อมูลเข้าแฟ้มการเงิน
ฝ่ายการเงินส่งผลการจ่ายเงินเดือนไปยังระบบรายงานผล และส่งข้อมูลกลับไปยังฝ่ายบุคคล
โครงสร้างฐานข้อมูล
ตาราง Staff ใช้จัดเก็บข้อมูลพนักงาน มีโครงสร้างข้อมูลดังนี้
ตาราง User ใช้จัดเก็บข้อมูลของผู้เข้าใช้ระบบ มีโครงสร้างดังนี้
ตาราง Salary ใช้จัดเก็บข้อมูลเงินเดือน มีโครงสร้างดังนี้
ข้อมูลพนักงาน
ข้อมูลทางการเงินของพนักงาน
ขั้นตอนที่
6
การพัฒนาและการติดตั้ง
ขั้นตอนนี้จะนำข้อมูลเฉพาะในส่วนที่ต้องการออกแบบของระบบมาทำการเขียน โปรแกรม
เพื่อให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการของระบบงานใหม่ อาจนำโปรแกรมที่เขียนสำเร็จรูปแล้วมาใช้งานในระบบก็ได้
หลังจากเขียนโปรแกรมแล้วเราก็ควรทำการทดลองว่าโปรแกรมใช้งานได้เหมาะสมกับการทำงานของบริษัทหรือไม่
ซึ่งในขั้นตอนนี้มีกระบวนการทำงานดังนี้
- เขียนโปรแกรม
- ทดสอบโปรแกรม
- ติดตั้งระบบ
- จัดทำเอกสาร
สรุปผลการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่
7
การซ่อมบำรุงระบบ
ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการปรับปรุงระบบเพราะหลังจากได้ระบบใหม่มาแล้ว เราก็นำเอาระบบที่ได้มานี้ทำการแก้ไขหากระบบที่ได้มาเกิดข้อผิดพลาดแผนการดำเนินงานของโครงการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น